แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 0 เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน
เชลซี จ่าฝูงพรีเมียร์ชิพ ที่เอาชนะไปได้ก่อนยังคงมีคะแนนห่างกันเท่าเดิมหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนนเต็มจากการเอาชนะเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ของไบรอัน ร็อบสัน ไปได้ 3-0 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันบ็อกซิ่ง เดย์
ก่อนหน้านี้ทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ เอาชนะฟูแล่ม เพื่อนร่วมเมืองในกรุงลอนดอนไปได้ 3-2 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้จ่าฝูงของตารางมีคะแนนหนีห่างปิศาจแดง ออกไปเป็น 12 คะแนนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
พอล สโคลส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ (ประตูที่ 2 จากการลงเล่นในบ้าน 2 นัดติดต่อกัน) และรุด ฟาน นิสเตลรอย ทำคนละประตูช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืดสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ชิพออกไปเป็น 8 นัด และทำคะแนนเกาะติดแชมป์เก่าไม่ให้ทิ้งห่างออกไป
วันนี้คงไม่ใช่วันของเวสต์ บรอม เนื่องจากพวกเขายังต้องสูญเสียพอล โรบินสัน กองหลังไปในครึ่งแรกจากอาการบาดเจ็บที่น่าจะหนักมากพอดูหลังจากเขาไปกระแทกกับโธมัส การ์ดโซ เพื่อนร่วมทีม ทำให้โรบินสัน ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว
มันผ่านมาเกือบจะครบเดือนแล้วนับตั้งแต่เกมที่ทั้ง 2 ทีมพบกันในรายการคาร์ลิ่ง คัพ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด และโดยบังเอิญที่ทั้งคู่ทำการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นทีมละ 6 ตำแหน่งจากชุดที่ลงเล่นในเกมรอบที่ 4 ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 3-1
เวสต์ บรอม ในชุดลายน้ำเงินและขาวเริ่มต้นเกมโดยบุกเข้าใส่อัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนท์ ทั้งโจนาธาน กรีนนิ่ง และรอนนี่ วอลล์เวิร์ค มีชื่ออยู่ในรายชื่อ 11 ตัวจริงที่ถูกเลือกโดยไบรอัน ร็อบสัน ผู้จัดการทีมเวสต์ บรอม ซึ่งเป็นอดีตนักเตะปิศาจแดง เช่นกัน
มันเป็นวันบ็อกซิ่ง เดย์ ที่แห้งแล้งและหนาวเย็นในเมืองแมนเชสเตอร์ และก็เป็นอีกครั้งที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เต็มไปด้วยฝูงชน ซึ่งฝูงชนโดยส่วนมากก็เกือบจะได้เฮลั่นตั้งแต่ต้นเกมหลังจากแกรี่ เนวิลล์ ทำได้ดีในการเปิดบอลให้กับพอล สโคลส์
เกมผ่านไปได้เพียง 4 นาที กัปตันทีมปิศาจแดง เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนที่จะโยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษที่มีผู้เล่นเต็มไปหมด สโคลส์ เข้าถึงบอลก่อนคนอื่นแต่ลูกโหม่งเน้นๆ ของเขาลอยข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
สโคลส์ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกครั้งในอีกไม่กี่นาทีถัดมาทำให้ปาร์ค จีซุง ได้โอกาสยิงเต็มแรงแต่บอลออกข้างไปเพียงนิดเดียว กองกลางทีมชาติเกาหลีใต้ทำชิ่งกับกองกลางผมแดงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะยิงบอลพุ่งเรียดซึ่งถ้าตรงกรอบก็คงผ่านมือโทมัสซ์ คูสซ์ซาค ผู้รักษาประตูของเวสต์ บรอม เข้าประตูไปแล้ว
ประตูฝั่งเวสต์ บรอม ถูกบุกกดดันอย่างหนักในนาทีที่ 21 จากลูกฟรีคิกของปิศาจแดง ซึ่งไรอัน กิ๊กส์ เป็นคนเตะ โดยวอลล์เวิร์ค เข้าสกัดฟาน นิสเตลรอย ล้มลงก่อนหน้านั้นไม่กี่วินาที แผงกองหลังของทีมเยือนต้องประสบปัญหาอย่างหนักเมื่อบอลเด้งไปมาอยู่หน้าปากประตูของพวกเขา แต่ในจังหวะสุดท้ายพวกเขาก็ผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้ด้วยการเตะสกัดทิ้งยาวขึ้นหน้า
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มเกม โดยเวสต์ บรอม ทำได้แค่ลงไปตั้งรับป้องกันการเสียประตู
เวสต์ บรอม ต้องมาเสียพอล โรบินสัน กองหลังไปเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงหลังจากดูเหมือนว่าเขาจะล้มลงอย่างไร้สติจากการกระแทกกับโธมัส การ์ดโซ เพื่อนร่วมทีม เขาถูกหามออกจากสนามไปท่ามกลางการปรบมือให้ด้วยความเห็นใจ โดยดิโอมานซี่ กามาร่า ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทน
เกมต้องหยุดไปหลายนาทีในช่วงที่นักเตะของเวสต์ บรอม ได้รับการปฐมพยาบาลในสนาม การหยุดเกมไปดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อเวสต์ บรอม มากกว่าต่อปิศาจแดง เนื่องจากหลังจากเหตุการณ์นั้นเพียงไม่ถึง 4 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ
ริโอ เฟอร์ดินานด์ วิ่งพาบอลขึ้นมาจากแดนตัวเองแล้วทำชิ่งกับปาร์ค ก่อนที่กองหลังทีมชาติอังกฤษจะกระชากบอลขึ้นทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับปาร์ค อีกครั้ง แต่ปาร์ค ถูกเบียดและดึงเอาไว้ทำให้เล่นยากจึงจิ้มบอลคืนหลังไปให้กับสโคลส์ ที่ยืนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ สโคลส์ ไม่รอช้าวิ่งเข้าซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเข้าเสียบมุมประตูอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 35
ครึ่งแรกมีการทดเวลาเจ็บนาน 6 นาที และในช่วงทดเวลาเจ็บนี่เองที่ปิศาจแดง ได้ประตูขึ้นนำห่างออกไป จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาที่ไรอัน กิ๊กส์ เป็นคนเปิดเข้าไป และเป็นเฟอร์ดินานด์ ที่ไม่มีใครตามประกบได้กระโดดขึ้นโหม่งเต็มๆ บอลลอยเสียบใต้คานเข้าประตูไป ถือเป็นประตูที่ 2 ที่เขาทำให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างเป็น 2-0 ในช่วงทดเวลาเจ็บของครึ่งแรก
เวสต์ บรอม ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะได้เลยที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด นับตั้งแต่ปี 1978 ดูเหมือนจะต้องพบกับการพ่ายแพ้อีกครั้งในการลงเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคุมเกมในครึ่งแรกเอาไว้ได้หมด และพอล โรบินสัน คงได้รับอาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัสทีเดียว เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลง ซึ่งเป็นเพียงการเพิ่มปัญหาเข้าไปอีก
เวส บราวน์ ไม่ได้ออกมาในช่วงเริ่มต้นครึ่งหลังโดยเปลี่ยนตัวให้คีแรน ริชาร์ดสัน ลงเล่นแทนในตำแหน่งแบ็คซ้าย และให้จอห์น โอเชีย ขยับเข้าไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
เวย์น รูนี่ย์ เกือบจะทำประตูเพิ่มให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในนาทีที่ 58 หลังจากได้บอลมาจากรุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงทีมชาติอังกฤษพาบอลขึ้นหน้าก่อนที่จะลองยิงไกลเต็มแรง แต่บอลพุ่งเฉี่ยวมุมประตูไปเพียงนิดเดียว
อลัน สมิธ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 62 แทนที่ของสโคลส์ และเพียงแค่ไม่ถึง 60 วินาทีที่อยู่ในสนามเขาก็โยนบอลทำให้ปิศาจแดง ได้ประตูที่ 3 นำห่างออกไป เนวิลล์ เปิดบอลขนานเส้นขึ้นมาทางฝั่งขวาให้กับปาร์ค ที่ไหลบอลเร็วไปให้กับสมิธ ที่วิ่งสอดขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนที่จะโยนบอลในจังหวะแรกอย่างสมบูรณ์แบบเข้าไปในกรอบเขตโทษกลางประตู ฟาน นิสเตลรอย วิ่งเข้าถึงบอลพอดีก่อนที่จะโหม่งกดลงพื้น บอลพุ่งผ่านมือคูสซ์ซาค เข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างสุดกู่ 3-0 ในนาทีที่ 63
วอลล์เวิร์ค ได้โอกาสงามในการทำประตูทีมเก่าของเขาในช่วงท้ายเกม แต่ลูกยิงของเขาเบาเกินไปและเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งไม่ต้องออกแรงมากมายนักในนัดนี้ก็รับเอาไว้ได้อย่างสบาย
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ต้อนเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปอย่างสบายด้วยชัยชนะ 3-0 ทำให้ยังรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ชิพ โดยมี 40 คะแนนจากการลงเล่น 18 นัด ตามหลังเชลซี จ่าฝูงและแชมป์เก่าอยู่ 9 คะแนน ก่อนที่ปิศาจแดง จะไปเยือนเบอร์มิงแฮม ในอีก 2 วันข้างหน้า (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 45)
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22 ( น. 12)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
พอล สโคลส์ 18 ( น. 35)
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 63)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 น. 45 เวส บราวน์ 6
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 66 รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
อลัน สมิธ 14 น. 61 พอล สโคลส์ 18
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน
โทมัสซ์ คูสซ์ซาค 29
มาร์ติน อัลเบรชท์เซ่น 14
เคอร์ติส เดวี่ส์ 19
โธมัส การ์ดโซ 4
พอล โรบินสัน 3
รอนนี่ วอลล์เวิร์ค 24
สตีฟ วัตสัน 16
ดาร์เรน คาร์เตอร์ 17
ริชาร์ด แชปโลว์ 12
โจนาธาน กรีนนิ่ง 8
นาธาน เอลลิงตัน 22
สำรอง
คริส เคิร์กแลนด์ 20
เควิน แคมป์เบลล์ 21 น. 61 นาธาน เอลลิงตัน 22
โซลตัน เกร่า 11 น. 67 โธมัส การ์ดโซ 4
จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 9
ดิโอมานซี่ กามาร่า 15 น. 32 พอล โรบินสัน 3
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 17 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ครั้ง, ฟาวล์ 13, เตะมุม 8, ใบเหลือง 1, การครองบอล 60%
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ยิงประตู 5 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ครั้ง, ฟาวล์ 6, เตะมุม 2, การครองบอล 40%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 9, เวส บราวน์ 7, จอห์น โอเชีย 5, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 8, พอล สโคลส์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 6, ปาร์ค จีซุง 8, เวย์น รูนี่ย์ 6, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, คีแรน ริชาร์ดสัน (สำรอง) 6, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 5, อลัน สมิธ (สำรอง) 7
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน โทมัสซ์ คูสซ์ซาค 5, มาร์ติน อัลเบรชท์เซ่น 5, เคอร์ติส เดวี่ส์ 8, โธมัส การ์ดโซ 6, พอล โรบินสัน 7, สตีฟ วัตสัน 5, รอนนี่ วอลล์เวิร์ค 5, ริชาร์ดสัน แชปโลว์ 7, ดาร์เรน คาร์เตอร์ 6, โจนาธาน กรีนนิ่ง 6, นาธาน เอลลิงตัน 5, โซลตัน เกร่า (สำรอง) 5, ดิโอมานซี่ กามาร่า (สำรอง) 5, เควิน แคมป์เบลล์ (สำรอง) 5
Por